สรุปดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน เดือนเมษายน 2567

เมื่อถึงเทศกาล “รีไฟแนนซ์บ้าน” ครบการผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือคงที่ตามเงื่อนไขของธนาคารครบ 3 ปี จะต้องเริ่มหาอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารชั้นนำต่างๆ ที่ถูกกกว่า
ธนาคารไหนดี ถึงจะได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด ใครอยากรู้ Tooktee.com รวบรวมข้อมูลมาเปรียบเทียบให้แล้ว

แล้วถ้าหากสนใจ สามารถติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารที่ท่านสนใจแต่ละสาขาได้เลยนะคะ

สรุปดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน เดือนเมษายน 2567

1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.58%

“สินเชื่อธอส. แสนสุข” เป็นรูปแบบของสินเชื่อสำหรับคนซื้อบ้านที่ต้องการดอกเบี้ยต่ำ โดยในช่วง 3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี จะอยู่ที่ 3.58% โดยให้วงเงินกู้สูงสุดตามหลักเกณฑ์ประกัน ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ >>สินเชื่อธอส. แสนสุข<<


2. ธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.40%

“สินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์” และกู้เพิ่มเติม ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยคงที่ 6 เดือนแรก 1.99% ต่อปี
– อัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยลดภาระการผ่อนชำระ ประหยัดค่าใช้จ่าย
– ได้วงเงินกู้รวมสูงสุด 110% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
– ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี
– สามารถกู้เพิ่มเติมเพื่ออุปโภคบริโภค

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ >>สินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์<< ธนาคารออมสิน


3. ธนาคารกรุงไทย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.40%

รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจคือ “สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์” หากผู้กู้อยากได้ดอกเบี้ยต่ำ โดยคิดเฉลี่ยตลอด 3 ปี ในอัตรา 3.40% หากทำประกันกับทางธนาคาร ทั้งนี้สามารถเลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท/เดือน ในปีที่ 1 ได้ โดยให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 100% ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี และหากมีการปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด หรือไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นภายใน 3 ปีแรก นับจากวันทำสัญญา คิดค่าธรรมเนียม 3% ของยอดหนี้คงเหลือ

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ >>สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์<< ธนาคารกรุงไทย


4. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.49%

“สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์” ของ ธนาคารทหารไทยธนชาต ดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3 ปีแรก เริ่มต้นเพียง 3.49% ต่อปี หากสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์ เสริม 3 ประเภท ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยและค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
– อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = 3.49% 
– อัตราดอกเบี้ย หลังจากปีที่ 3 = MRR-2.08%
– อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ตลอดอายุสัญญา* = 4.97%

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ >>สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์<<


5. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก = 3.60%

“สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร”  
– วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 100%
– ผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 30 ปี
– วงเงินกู้อนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ >>สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์<<


6. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก = 3.19%

“สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ ของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” เป็นสินเชื่อรีไฟแนนซ์ โดยไม่ขอวงเงินเพิ่ม (ประเภทหลักประกัน ได้แก่ บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม และ คอนโดมิเนียม) ดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเริ่มต้นที่ 1.99% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 85%

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์


7.  ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก = 3.34%

“สินเชื่อรีไฟแนนซ์ LH Bank” อัตราดอกเบี้ยทางเลือกแบบทำประกัน MRTA/MLTA ไม่ฟรีจดจำนอง คงที่3ปีแรกอยู่ที่ 3.34% วงเงินกู้สูงสุด 100% ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 35 ปี

สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ LH Bank

ซื้ออสังหาฯ โครงการหรู ราคาแพง ต้องรู้อะไรบ้าง?

สิ่งที่ทำให้อสังหาฯ มีความหรูหราไม่ใช่เพราะราคาสูง แต่เป็นเพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และทำเลที่ทำให้สามารถเข้าถึงกิจกรรมต่างๆ ตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะช้อปปิ้ง กินอาหารระดับมิชลินสตาร์ ชมงานศิลปะ หรือตีกอล์ฟ รวมไปถึงทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านที่มีรสนิยมอยู่ในระดับเดียวกัน เพราะฉะนั้นในปีนี้ ถ้าคุณกำลังมองหาอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย และนี่คือสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการหรู

บ้าน คอนโด โครงการหรู คือ ที่พักอาศัยที่ผสมผสานทั้งความหรูหรา นำสมัย ความดูดีมีระดับ ดูน่าสนใจต่อผู้บริโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไว้ด้วยกัน เพราะคำนิยามของคอนโดหรู คือ ความเป็นที่สุด หรือสิทธิที่พิเศษเหนือระดับ ที่ใช่ว่าทุกคนจะครอบครองความเรียบหรูนี้ได้ 
ดังนั้นอสังหาริมทรัพย์หรู ไม่ใช่เพียงแค่ที่พักอาศัยธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่เป็นที่พักอาศัยที่บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ ที่เชื่อมโยงไปถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตของเจ้าของแต่ละคนอีกด้วย

ความเป็นส่วนตัว

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในสิ่งที่ทำให้อสังหาฯ มีความหรูหรา คือ ความเป็นส่วนตัวในทุกมิติ โครงการหรูจำนวนยูนิตต้องน้อย คนไม่พลุกพล่าน เพื่อนบ้านมีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือ การได้อยู่ในคอมมูนิตี้ที่เป็นส่วนตัวสูงสุด คัดสรรเฉพาะโครงการมีดีไซน์ และพัฒนาโดยผู้พัฒนาการอสังหาฯ เดียวกันเท่านั้น เพื่อครอบคลุมระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด

ทำเลโครงการบ้านหรู

สิ่งที่ทำให้โครงการ ดูหรูและทวีมูลค่าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น คือ ทำเลศักยภาพที่อยู่ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำ หรือเป็นโครงการมีเส้นทางคมนาคมให้ลูกบ้านเข้าถึงจุดหมายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จะต้องมีคุณสมบัติในเรื่องของทำเล และที่ตั้งที่โดดเด่น ซึ่งทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นทำเลที่ตั้งที่ติดรถไฟฟ้า หรืออยู่ใกล้ทางด่วนอย่างเดียว อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่คอนโดหรู Luxury อาจจะเป็นทำเลที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจ หรืออยู่ในโซน CBD (Central Business District) ศูนย์กลางของธุรกิจก็ได้

โครงการ SHUSH ราชเทวี

สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities)

แน่นอนว่า โครงการหรู จะต้องมีจุดเด่นในเรื่องของ Facility สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และมีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ พื้นที่ส่วนกลางที่ต้องรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัย อาทิ Private Garden , Sky Lounge , Fitness , Pool , Security System และบริการต่าง ๆ ซึ่ง Facility สิ่งอำนวยความสะดวกนี้ จะตอบโจทย์ผู้พักอาศัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องการอยากที่จะใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน นี่เลยเป็นคุณสมบัติ และความโดดเด่นของโครงการอสังหาฯหรู

ความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ

อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัววัดว่า โครงการที่คุณซื้อเป็นโครงการบ้านหรู Luxury อย่างแท้จริงหรือไม่ หรือคุณภาพชีวิตจะที่ดีระยะสั้น หรือระยะยาว ก็คือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และบริษัทที่พัฒนาโครงการว่ามีประสบการณ์การพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์มามากน้อยขนาดไหน ยกตัวอย่าง เช่น แสนสิริที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่มากว่า 38 ปี เป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ ที่ได้รับความเชื่อมั่น และการยอมรับจากลูกค้า ทั้งด้านแบรนด์, คุณภาพโครงการ รวมถึงความเข้าใจในไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่แท้จริง ช่วยให้สินทรัพย์ของคุณทวีมูลค่าอย่างไม่สิ้นสุด สามารถส่งต่อให้กับ Next-Generation ได้อย่างภาคภูมิ

โครงการหรูที่น่าสนใจ

โครงการที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้ ได้แก่

ชื่อโครงการ : SHUSH (ชูช์) ราชเทวี 
เป็นคอนโด Segment สูงสุดของ Sansiri ออกแบบมาใน Concept ‘Museum of Art, Gallery of life’ เหมือนได้เสพงานศิลป์ทุก ๆ วัน มาพร้อมห้องสไตล์ Loft เพดานสูง 4.5 ม. เกือบ 100% ของทั้งโครงการ

บริษัท :  บมจ.แสนสิริ
ที่ตั้งโครงการ : ตั้งอยู่ติดถนนพญาไท ใกล้แยกราชเทวี ซึ่งเป็นทำเลใจกลางเมือง
รายละเอียดโครงการ : เป็นคอนโด High-Rise รวมทั้งหมด 383 ยูนิต ห้อง Loft เพดานสูง 4.5 ม. เพียง 140 ม. ถึง BTS ราชเทวี
เว็บไซต์ : https://www.tooktee.com/project/14580/

ชื่อโครงการ : อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง
คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ทางด่วน และ รร.นานาชาติ Shrewsbury จาก Altitude Development

บริษัท :  บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ : อยู่ใน ซ.จันทน์ 44 แขวงวัดพระยาไกรเขตบางคอแหลม
รายละเอียดโครงการ : เป็นคอนโดระดับ Luxury พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันและการออกแบบพื้นที่ใช้สอยไว้ได้อย่างลงตัว พัฒนาเป็น คอนโด Hightriseสูง 22ชั้น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน
เว็บไซต์ : https://www.tooktee.com/project/7296

ชื่อโครงการ : My Resort @River จรัญ 72 – บางพลัด
ออกแบบมาด้วยแนวคิด “ชีวิตเหนือระดับ ณ. จุดที่สวยเกินบรรยายของโค้งน้ำเจ้าพระยา” เพราะมีความพิเศษคือเป็นคอนโดติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะมองจากห้องไหน ชั้นไหนก็จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนโค้งน้ำที่สวยงาม 

บริษัท :  บจก.อิควิตี เรสซิเดนเชียล เจ้าพระยา
ที่ตั้งโครงการ : ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 72 ห่างจาก MRT บางพลัด ประมาณ 450 เมตร
รายละเอียดโครงการ : โครงการนี้ห้องที่ขายจะมีขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่กว่าโครงการทั่วๆไป คือเริ่มต้นมาก็เป็นแบบ 3 ห้องนอนขนาด 156 ตร.ม. ไปจนถึงห้องเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ถึง 800 ตร.ม. บนชั้น 37
เว็บไซต์ : https://www.tooktee.com/project/4785/

อยากเป็นนายหน้าอสังหาฯ ต้องรู้อะไรบ้าง?

การมีรายได้จากทางเดียวในสมัยนี้อาจไม่เพียงพอแล้ว หลายคนจึงต้องหาช่องทางทำเงินให้หลากหลายอาชีพมากขึ้น และอีกหลายคนเริ่มสนใจ อยากเป็นนายหน้าอสังหาฯ แล้วนายหน้าอสังหาฯ คืออะไร และต้องรู้อะไรบ้าง ในบทความนี้ Tooktee.com จะพาไปทำความรู้จักกับอาชีพนี้ว่าคืออะไร และสามารถสร้างเงินได้จากไหน

นายหน้าอสังหาฯ คืออะไร ?
นายหน้าอสังหาฯ หรือที่หลายคน เรียกสั้นๆว่า เอเจนท์ ( Agent ) คือ ตัวแทนของผู้ซื้อหรือผู้ขาย ที่มีหน้าที่การทำธุรกรรมต่างๆ ตั้งแต่ช่วยเจรจาต่อรองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย “คู่สัญญา” จนได้ข้อตกลงซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยสมบูรณ์ โดยหน้าที่หลักของนายหน้าอสังหาฯ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ในฐานะผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

หน้าที่หลักของการเป็นนายหน้าอสังหาฯ (Agent) ในฐานะผู้ขายหน้าที่หลักของการเป็นนายหน้าอสังหาฯ (Agent) ในฐานะผู้ซื้อ
 1. ลงประกาศขายอสังหาฯ ตามช่องทางต่างๆ 1. ค้นหา แนะนำ อสังหาฯ ให้ผู้ที่สนใจเลือกซื้อ
 2. ใส่ข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับอสังหาฯ ที่ต้องการขายให้ถูกต้อง ครบถ้วน 2. ติดต่อเจ้าของอสังหาฯ ที่ต้องการซื้อ
 3. ทำการนัดหมายผู้สนใจซื้อ พร้อมพาชมสถานที่ 3. สามารถให้ข้อมูล พร้อมคำปรึกษาในการประกอบการตัดสินใจในการซื้อ
 4. นัดผู้สนใจซื้อ และเจ้าของอสังหาฯ เพื่อทำธุรกรรมขาย 4. ทำการนัดหมายเจ้าของอสังหาฯ
 5. ทำธุรกรรมเอกสารการขาย 5. ดำเนินการทำธุรกรรมการซื้อ

นายหน้าอสังหาฯ มีกี่ประเภท
สามารถแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้

นายหน้าอสังหาฯ 4 ประเภท

อยากเป็นนายหน้าอสังหาฯ ต้องเตรียมตัว รู้อะไรบ้าง

1. รู้จักตลาดอสังหาฯ
ในที่นี้หมายถึง ตลาดซื้อ-ขายอสังหาฯ ทั้ง Listing ลงประกาศตามเว็บไซต์ หรือระบบ Offline จากการติดป้ายประกาศต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนายหน้าอสังหาฯ จำเป็นต้องทำความรู้จักกับตลาดนี้ ไปพร้อมกับการทำข้อมูล เพื่อเสนอขายได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

2. เข้าใจเรื่องสัญญา
สัญญาแบบเปิด หรือสัญญาที่ให้เจ้าของอสังหาฯ หรือนายหน้าท่านใดก็ได้ขาย พร้อมค่าตอบแทนแต่เพียงผู้เดียว โดยสัญญาจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาจนกว่าจะปิดการขายสำเร็จ
สัญญาแบบปิด หรือสัญญาที่มอบหมายให้นิติบุคคลเป็นผู้ดูแลการขายเพียงผู้เดียว โดยตัวสัญญาจะมีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการว่าจ้าง หากขายไม่สำเร็จ เจ้าของอสังหาฯ ถึงจะสามารถจ้างนายหน้าท่านอื่นได้

3. ให้คำปรึกษาเรื่องสินเชื่อ
หากนายหน้ามีความรู้เรื่องสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย ก็จะสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ซื้อ เพื่อเลือกรูปแบบสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต้องการได้ และเป็นโอกาสที่จะช่วยให้ปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

Tooktee เปิดรับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รับคอมมิชชั่น 2-7 % 

ร่วมรับฟัง “โอกาสทางธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ กับ เครื่อข่าย Tooktee”
และเข้าร่วมเป็นตัวแทนรูปแบบอิสระกับเราในงาน รับจำกัด 50 ท่านเท่านั้น !!

??  วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567
?? เวลา 13.00 – 16.00 น.
สถานที่อบรม : โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ชั้น 8 
คลิกลงทะเบียน : https://bit.ly/3nANsQr
สนใจเป็นสมัครเป็น agent กับเรา สอบถามผ่าน Line : @Tooktee >> https://line.me/R/ti/p/%40whn7789w

อาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ TPQI คืออะไร?

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ TPQI  จัดตั้งองค์กรแห่งนี้ก็เพื่อพัฒนาและผลักดันระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ของอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อิสระ ให้ได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานสากล  “ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ” จึงเป็นกระบวนการรับรองเพื่อให้บุคคลได้รับการยอมรับในความรู้ทักษะตลอดจนความสามารถที่สอดคล้องกับสมรรถนะประสบการณ์และความรู้ในการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าในสายอาชีพของตนในอนาคต

และที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับคนที่เคยขาดโอกาสทางการศึกษาและไร้ใบปริญญา ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพอาจทำให้คุณลืมใบปริญญาไปเลย!

  • สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. คืออะไร
  • การเลื่อนระดับคุณวุฒิวิชาชีพ สาขานายหน้าอสังหาริมทรัพย์
  • อบรมออนไลน์ อาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กับ TPQI ฟรี

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. คือ หน่วยงานภาครัฐ ภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่หลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ จัดทำมาตรฐานอาชีพโดยกลุ่มคนในอาชีพ และการให้การรับรองสมรรถนะเพื่อย้ำความเป็นมืออาชีพที่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด เป็นการสร้างโอกาสความก้าวหน้าในการทำงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามแนวทางที่เป็นสากล รวมถึงเป็นศูนย์กลางเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนของประเทศด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

คุณลักษณะของผลการเรียนรู้ (Characteristics of Outcomes)

บุคคลโดยทั่วไปที่สนใจอาชีพนายหน้านายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นอาชีพเสริม มีลักษณะ ความประสงค์ และแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อที่จะสามารถดำเนินการเป็น นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการปฏิบัติวิชาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นบางครั้งบางคราว หรือเป็นอาชีพเสริม มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ตนเอง จะต้องดูแลต่อลูกค้า มีความเข้าใจในกระบวนการของการดำเนินงานได้ในระดับต้น ที่มีองค์ความรู้พื้นฐานเบื้องต้น มีความเข้าใจในจรรยาบรรณของวิชาชีพนายหน้า มีความเข้าใจในเรื่องการตรวจสอบทำเล

เปิดรับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รับคอมมิชชั่น 2-7 % 

ร่วมรับฟัง “โอกาสทางธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ กับ เครื่อข่าย Tooktee”
และเข้าร่วมเป็นตัวแทนรูปแบบอิสระกับเราในงาน รับจำกัด 50 ท่านเท่านั้น !!

??  วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567
?? เวลา 13.00 – 16.00 น.
สถานที่อบรม : โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ชั้น 8 
คลิกลงทะเบียน : https://bit.ly/3nANsQr
สนใจเป็นสมัครเป็น agent กับเรา สอบถามผ่าน Line : @Tooktee >> https://line.me/R/ti/p/%40whn7789w

การเลื่อนระดับคุณวุฒิวิชาชีพ สาขานายหน้าอสังหาริมทรัพย์  (Qualification Pathways) 

1. ผู้ที่จะผ่านการประเมินและได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ระดับ 1 ต้องผ่านเกณฑ์ การประเมินตามหน่วยสมรรถนะอาชีพ ระดับ 1 จำนวน 1 หน่วยสมรรถนะ

2. ผู้ที่เข้าสู่การทดสอบคุณวุฒิวิชาชีพ นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ระดับ 1 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
– ผู้ที่เข้าสู่การทดสอบคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ระดับ 1 ต้องสามารถอ่านออกเขียนได้ เข้าใจภาษาไทยได้ดี
– ผ่านการอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

3. การต่ออายุหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพให้เป็นไปตามคู่มือสำหรับผู้เข้ารับการประเมินหรือคู่มือเจ้าหน้าที่สอบ(Assessment Standard)

กลุ่มบุคคลในอาชีพ (Target Group)
ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มบุคคล ในสมาชิกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยหมายเหตุ : (ข้อแนะนำเฉพาะสำหรับคุณวุฒิวิชาชีพนี้)

หน่วยสมรรถนะ (หน่วยสมรรถนะทั้งหมดของคุณวุฒิวิชาชีพนี้

องค์กรรับรอง ที่สามารถเข้ารับการประเมินสมรรถนะบุคคล
CB-0143-A : บริษัท โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จำกัด
CB-0095-A : บริษัท วินเนอร์ เอสเตท เอ็ดดูเคชั่น จำกัด
CB-0262-A : บริษัท อี.ดี. เรียลเอสเตท จำกัด
CB-0119-A : บริษัท อีอาร์เอ พร็อพเพอร์ตี้ เน็ทเวิร์ค จำกัด

อบรมออนไลน์ อาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์กับ TPQI

     โครงสร้างหลักสูตร
มอดูลฝึกอบรมของคุณวุฒิวิชาชีพ (Module Training)35 นาที
มอดูลที่ 1 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์21 นาที
มอดูลที่ 2 ข้อมูลทรัพย์สินเบื้องต้น13 นาที
สื่อวีดิทัศน์แสดงกระบวนการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ13 นาที
สื่อวีดิทัศน์แสดงกระบวนการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ13 นาที 
โครงสร้างหลักสูตร

สามารถเข้าไปอบรม – ลงทะเบียนฟรีได้ที่เว็บไซต์ : https://e-training.tpqi.go.th/courses/152/info

10 ข้อควรรู้!! ก่อนให้เช่าคอนโด

ปัจจุบันการปล่อยเช่าคอนโด เป็นวิธีการสร้างรายได้ที่นิยมกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการคอนโดในเมือง ในทำเลที่เดินทางสะดวก ไปทำงานได้แบบไม่ต้องฝ่ารถติดนั้นมีจำนวนมาก โดยมองว่าเป็นรายได้พิเศษ แต่ใช่ว่าผู้ปล่อยเช่าจะโชคดีไปเสียทุกคน เพราะบางครั้งปัญหาอาจจะไม่ได้เกิดจากเรา แต่มาจากตัวผู้เช่าเอง

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรต้องรู้เอาไว้ก่อนที่จะตัดสินใจปล่อยเช่าคอนโดนั้น ก็มีหลายสิ่งที่ระวังอยู่เช่นกัน ถ้าไม่อยากปล่อยเช่าแล้วผิดพลาด ในบทความนี้ Tooktee.com จะพาไปดูพร้อม ๆ กัน

10 ข้อควรรู้ก่อนให้เช่าคอนโด

  1. สัญญาเช่า
    การเช่าแบบตกลงกันปากเปล่า ไม่ทำสัญญากัน ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ดังนั้น การเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจึงถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในการใช้บังคับคดี
  2. หาคนเช่าด้วยการ หาเอง ติดต่อนายหน้า หรือนิติบุคคล
    ในปัจจุบัน การหาผู้เช่า มีหลักๆด้วยกัน 3 วิธี  คือ หาด้วยตัวเอง นายหน้า และ นิติบุคคล
  3. ทำ list และถ่ายรูปห้อง
    บางครั้งเราอาจไม่ได้ให้เช่าแค่ตัวห้องคอนโดอย่างเดียว แต่มีรายการอื่นเพิ่มเติมด้วย อย่างเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เรื่องเหล่านี้ พอเวลาผ่านไปเราอาจจำไม่ได้  ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาของหาย หรือได้คืนไม่ครบ จึงมีความจำเป็นที่ต้องเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปในสัญญาให้ชัดเจน
  4. ผู้รับผิดชอบของเสียหายคือใคร
    การซ่อมแซมเมื่อภายในห้องเกิดความเสียหาย ดังนั้นก่อนปล่อยเช่าคอนโดควรเคลียร์กับผู้เช่าตั้งแต่ต้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน
  5. เงินประกันการเช่า
    ผู้ให้เช่ามักเรียกเก็บ “เงินประกันสัญญา” ซึ่งผู้ให้เช่าควรกำหนดไว้ในสัญญาว่าสามารถหัก หรือริบเงินประกันสัญญา หรือเงินมัดจำได้ เมื่อคนเช่าไม่ปฎิบัติตามสัญญาเช่า
  6. เบี้ยปรับ
    ป้องกันผู้เช่าที่ชอบเบี้ยว หรือจ่ายไม่ตรงเวลา
  7. เช่านานแค่ไหน ต่ออายุยังไง
    – ต่อสัญญาแบบอัตโนมัติ ถ้าไม่มีใครทักท้วงตอนหมดสัญญาเช่า
    – เมื่อหมดสัญญาเช่า ถือว่าเป็นการยกเลิกการเช่าในทันที
  8. ใคร ต้องจ่ายอะไรบ้างระหว่างเช่า
    ควรตกลงกันให้ชัดเจน
  9. หมดสัญญาเช่าแต่ผู้เช่าไม่ยอมออก
    ต้องระบุสิทธิของผู้เช่าไว้อย่างชัดเจนในสัญญาเลยว่า ให้ผู้เช่ามีสิทธิเปลี่ยนกุญแจ ล๊อคประตู กลับเข้าครอบครองสถานที่ และ/ตัดน้ำ ตัดไฟได้เลย
  10. ค่าเช่าต้องเสียภาษีอะไรบ้าง
    ก็มีอยู่ 3 ประเภท แต่จะเสียครบทุกประเภทหรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับประเภทของคนเช่า และคนให้เช่าว่าเป็นบุคคลประเภทใด และตกลงกันเป็นรายกรณีไป

ดังนั้น การให้ความสำคัญกับ 10 ข้อควรรู้ดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากก่อนจะมีการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการเขียนสัญญา ควรเขียนให้ชัดเจน ให้รับรู้รับทราบอย่างทั่วกัน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่า ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้นั่นเอง

บทความต้นฉบับเพิ่มเติม : https://www.tooktee.com/article/?cid=3345

บ้านมือหนึ่ง vs บ้านมือสอง ซื้อแบบไหนคุ้มกว่า?

การวางแผนซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง โดยเฉพาะคนซื้อบ้านหลังแรกที่ไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อบ้านมาก่อน อาจยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกบ้านมือหนึ่งหรือบ้านมือสองดี บางคนก็บอกว่า “ซื้อบ้านมือหนึ่งไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องรีโนเวท” แต่บางคนก็แย้งว่า “ซื้อบ้านมือสองดีกว่า ค่ารีโนเวทไม่เท่าไหร่ยังไงก็ถูกกว่า แถมเลือกทำเลดีๆ ได้อีกด้วย” แล้วแบบไหนหล่ะ? ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับตนเองมากที่สุด

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อด้อย บ้านมือหนึ่ง vs บ้านมือสอง

ข้อดีของ บ้านมือหนึ่ง บ้านใหม่ไฉไลสุดๆ

คุณจะได้บ้านใหม่พร้อมอยู่ ไม่เคยผ่านการอยู่อาศัยมาก่อน สภาพบ้านและวัสดุต่างๆ จึงใหม่ แข็งแรง ทนทาน และไม่ต้องเสียเงินเพื่อรีโนเวทเพิ่มเติม ยกเว้นในกรณีที่คุณอาจอยากต่อเติมบางส่วน เช่น ห้องครัวหลังบ้าน ฯลฯ

1. ได้บ้านใหม่ ไม่ต้องรีโนเวทเพิ่ม
2. กู้สินเชื่อบ้านผ่านง่ายกว่า
3. การออกแบบที่ทันสมัย
4. วางแผนตกแต่งบ้านได้ง่ายกว่า
5. มีประกันหลังการขาย

ข้อด้อย ของบ้านมือหนึ่ง

1. ราคาสูง ต่อรองยาก
2. ไม่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ
3. ไม่พร้อมเข้าอยู่

ข้อดี ของบ้านมือสอง ที่ไม่เป็นรองใคร

1. ราคาถูกกว่า
2. ได้เช็กบ้านด้วยตัวเอง
3. ต่อรองราคาได้
4. พร้อมเข้าอยู่
5. มีทำเลที่ดีกว่า
6. ได้บ้านตรงปก
7. วัสดุมีคุณภาพที่ดีกว่า
8. เห็นสภาพแวดล้อมจริง ไม่ต้องรอลุ้น

ข้อด้อย ของบ้านมือสอง

1. เสียเงินค่ารีโนเวทบ้าน
2. กู้สินเชื่อบ้านไม่ได้เต็มวงเงิน
3. จุดบกพร่องอื่นของบ้านที่เจ้าของเก่าไม่ได้บอก

การซื้อบ้านในฝันหนึ่งหลัง ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านมือหนึ่งหรือบ้านมือสอง ล้วนมีข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป เราแนะนำให้คุณเลือกบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัวได้อย่างครบถ้วนมากที่สุด และเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการสร้างประวัติการเงินที่ดีไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การอนุมัติง่ายขึ้น

ซื้อหรือเช่าคอนโด? แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด

เริ่มจากดูระยะเวลาการอยู่อาศัย

     หากคุณวางแผนการใช้ชีวิตไว้แล้วว่า จะทำงานย่านไหน หรืออยากอยู่ใกล้ญาติพี่น้องแถวไหน การซื้อคอนโดใกล้ที่นั้นๆ ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว เพราะจะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากในระยะยาว และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “เวลา” การมีเวลาเพิ่มขึ้นสำหรับตัวคุณเองและครอบครัว โดยไม่ต้องทนอยู่กับรถติดบนท้องถนนนั้น เป็นความคุ้มค่าที่ยากจะตีเป็นมูลค่าได้

     แต่ถ้าหากแผนการใช้ชีวิตยังไม่แน่นอน เช่น มีโอกาสที่จะย้ายงานสูง หรืออาจต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานานๆ แล้วไม่มีคนช่วยดูแลแทนคุณ การเช่าคอนโดก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นมากกว่า

ค่าใช้จ่ายระหว่างการเช่าหรือซื้อคอนโด

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ก็คืองบประมาณ แต่ละแบบมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

1.1. ค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อคอนโด

     ปัจจุบันนี้มีโครงการคอนโดใจกลางเมืองให้เลือกมากมาย ใกล้กับแหล่งคมนาคมสำคัญ เช่น รถไฟฟ้า ที่ขยายเส้นทางครอบคลุมพื้นที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมายดึงดูดใจผู้ซื้อ จึงสามารถซื้อคอนโดดีๆ ในราคาที่ถูกลงได้ง่ายขึ้น 

     อย่างไรก็ตาม การซื้อคอนโดก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น ค่าจอง ค่าดาวน์ ค่าส่วนกลาง ค่าประกันภัย ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่จะซื้อคอนโดเงินผ่อน ควรคำนวณให้ค่าผ่อนไม่เกิน 30% ของเงินเดือน และนำเงินจำนวณนี้คูณกับจำนวนปีที่คุณสามารถผ่อนชำระค่าคอนโดได้ ก็จะพอเห็นภาพว่าคุณสามารถซื้อคอนโดที่ต้องการได้หรือไม่ คุ้มค่าแค่ไหนในระยะยาว

1.2. ค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าคอนโด

     ตามกฎหมายแล้ว ผู้เช่าต้องวางมัดจำล่วงหน้า 2 เดือน จ่ายค่าเช่าคอนโดล่วงหน้า 1 เดือน และค่าประกันความเสียหาย สำหรับค่าส่วนกลางแล้วแต่ข้อตกลงตอนทำสัญญา ซึ่งหลายที่มักจะรวมในค่าเช่าคอนโดแล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมสร้างหนี้ระยะยาว และสามารถย้ายที่อยู่ได้บ่อยครั้งแบบไม่ต้องมีภาระผูกพัน หากต้องย้ายงาน ไปต่างประเทศ หรือต้องการห้องใหม่ที่มีฟังก์ชั่นทันสมัยอยู่เสมอ ก็สามารถย้ายที่อยู่ได้ง่ายกว่า 

มูลค่าที่เพิ่มขึ้นเทียบระหว่างการเช่าหรือซื้อคอนโด

     แต่หากมองในแง่ของความคุ้มค่าแล้ว การซื้อคอนโดอาจสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าการเช่าคอนโดในระยะยาว เพราะการซื้อคอนโดสามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย มาใช้เป็นค่าลดหย่อนตามที่จ่ายจริงได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท และหากเลือกซื้อคอนโดในทำเลดีมีอนาคต มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นก็อาจเติบโตแซงรายจ่ายต่างๆ ด้วยซ้ำไป หรือหากเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตแล้วคุณไม่ได้อาศัยเอง ก็สามารถปล่อยเช่าคอนโดสร้างรายได้ต่อเนื่องได้อีก เหมือนมีคนช่วยผ่อนให้โดยที่สินทรัพย์นั้นยังเป็นของคุณ และยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย

     ในขณะที่การจ่ายค่าเช่าคอนโดทุกเดือนนั้นแม้ดูเผินๆ อาจจะเหมือนจ่ายน้อยกว่า แต่ด้วยความที่ไม่สามารถนำค่าเช่าที่จ่ายไปมาลดหย่อนภาษีแบบการซื้อคอนโดได้ รวมถึงไม่มีสิทธิ์ในการปล่อยเช่าต่อ หรือขายทำกำไรจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อมองในมุมของมูลค่าแล้ว การซื้อคอนโดในทำเลที่ดีจึงดูจะคุ้มค่ามากกว่าการเช่าคอนโดในระยะยาว เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ทางภาษีแล้ว ยังสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ราคาดี โดยเฉพาะคอนโดในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ลาดพร้าว รัชโยธิน รัชดา สุขุมวิท หรือทำเลอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลัก เป็นต้น

การตกแต่งคอนโดที่ซื้อ กับคอนโดที่เช่า

     ทั้งคอนโดแบบซื้อและคอนโดแบบเช่าในปัจจุบัน มักมีการตกแต่งเสร็จสรรพพร้อมเข้าอยู่ได้เลย แต่ถ้าคุณมีไอเดียแต่งห้องเองอีกเพียบอยู่ในหัว การซื้อคอนโดอาจจะตอบโจทย์ของคุณมากกว่า ตราบใดที่ไม่กระทบกับกฎระเบียบและโครงสร้างของอาคาร ก็สามารถแต่งคอนโดได้เต็มที่ตามไลฟ์สไตล์และจินตนาการของคุณ ในขณะที่การเช่าคอนโดนั้นจะไม่สามารถเจาะ ติดตั้ง หรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักตามใจได้ เหมาะสำหรับคนที่เน้นพักอาศัยเป็นหลัก หรือจัดของแต่งห้องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

การซ่อมบำรุงรักษาเมื่อเช่าหรือซื้อคอนโด

      หากคุณต้องการความสะดวกสบายด้านการบำรุงรักษา เวลาที่มีอะไรพังใช้การไม่ได้ เช่น แอร์ไม่เย็น ท่อน้ำรั่ว ไฟเสีย แล้วมีคนคอยจัดการให้ การเช่าคอนโดดูจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าของห้องจะมีบริการดูแลจัดการปัญหาเหล่านี้ให้กับผู้เช่าคอนโด ทำให้คุณไม่ต้องคอยปวดหัวกับการตามซ่อมของที่เสื่อมตามอายุการใช้งาน 

     ส่วนการซื้อคอนโดอยู่เอง คอนโดหลายแห่งจะมีการรับประกันในช่วงแรก ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ เช่น ประกันส่วนโครงสร้าง ประกันเฟอร์นิเจอร์ ประกันระบบน้ำและระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้อง เป็นต้น เมื่อหมดประกันแล้ว เราอาจต้องยุ่งยากในการซื้ออะไหล่หรืออุปกรณ์ต่างๆ เอง แต่ก็สามารถแจ้งช่างประจำคอนโดมาจัดการเปลี่ยนหรือติดตั้งให้ได้ในบางรายการ หากนอกเหนือจากนั้นนิติบุคคลก็สามารถช่วยประสานกับช่างภายนอกให้คุณได้ และคอนโดบางแห่งก็ยังมีบริการแจ้งเตือนการซ่อมบำรุงให้กับลูกบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลรักษาคอนโดอีกด้วย 

เช็คลิสต์ก่อนตัดสินใจเช่าหรือซื้อคอนโด

เมื่ออยากมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง แต่ถ้าปัจจัยหลายอย่าง ทำให้คุณลังเล ลองมาเช็กตัวเองก่อน!

เช็คลิสต์ ซื้ออยู่ หรือ เช่าอยู่ แบบไหนเหมาะ และตอบโจทย์เงื่อนไขในการตัดสินใจมากกว่า

หากใครสนใจ ซื้อหรือเช่าคอนโด และยังหาที่ถูกใจไม่ได้ สามารถเข้าไปเลือกชม เลือกซื้อทรัพย์กับทาง Tooktee.com ได้เลย มีคอนโดให้ท่านเลือกหลากหลายตามสไตล์ที่คุณชอบ

นอกจากนั้นสามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่าน  Line : https://line.me/R/ti/p/%40whn7789w
หรือ โทรศัพท์ : 0-2295-3905 ต่อ 125 

การขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราว ต้องเตรียมอะไรบ้าง เช็คเลย!

ในกรณีที่เราจะขออนุญาตใช้ไฟฟ้าชั่วคราวโดยการขอมิเตอร์ไฟชั่วคราว สำหรับการก่อสร้างโดยที่ยังไม่มีบ้านเลขที่ การขออนุญาตสำหรับใช้ไฟฟ้าชั่วคราวในการก่อสร้าง อย่าง มีเอกสารและสิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง ในบทความนี้ tooktee.com มีคำตอบไว้ให้คุณแล้ว

ขอไฟชั่วคราวใหม่ (บุคคลธรรมดา)

  • สำเนาบัตรประชาชน/Passport*
  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ สถานที่ขอใช้ไฟฟ้า* เช่น สัญญาซื้อขาย , สัญญาเช่าและหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า , หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่, สำเนาโฉนด, สัญญาว่าจ้าง, ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เป็นต้น
  • หนังสือรับประกันหนี้ค้างเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าชั่วคราว

ขอไฟชั่วคราวใหม่ (นิติบุคคล)

  • เอกสาร รูปถ่าย/สำเนาบัตรประชาชน ของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามตามที่หนังสือรับรองระบุ*
  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ สถานที่ขอใช้ไฟฟ้า* เช่น สัญญาซื้อขาย , สัญญาเช่าและหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า , หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่, สำเนาโฉนด, สัญญาว่าจ้าง, ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เป็นต้น
  • หนังสือรับประกันหนี้ค้างเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าชั่วคราว

อัตรารายเดือนสำหรับการใช้ไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารทั่วไปหรือสิ่งปลูกสร้าง

สำหรับการใช้ไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารทั่วไปหรือสิ่งปลูกสร้าง การจัดงานขึ้นเป็นกรณีพิเศษชั่วคราว หรือการใช้ในกรณีต่างๆ เป็นการชั่วคราว โดยต่อผ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเครื่องเดียว

ค่าพลังงานไฟฟ้า หน่วยละ (บาท)
ทุกระดับแรงดัน6.8025

ข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้า

1. อัตราค่าไฟฟ้าข้างต้น เป็นอัตราที่เรียกเก็บรายเดือน ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน ประกอบด้วย  ค่าไฟฟ้าตามอัตราค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าตามสูตร การปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ซึ่งจะมีการเรียกเก็บ Ft ทุกเดือน โดยแยกเป็นรายการในใบเรียกเก็บ เงินค่าไฟฟ้า ทั้งนี้ Ft ที่เรียกเก็บจะปรับเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน โดยกำหนดให้ Ft เป็นอัตราคงที่ต่อหน่วยการใช้พลังงานไฟฟ้า

*หมายเหตุ
ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้อัตราประเภทนี้ หากประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้ไฟฟ้าเป็นการถาวรหรือ การไฟฟ้านครหลวงตรวจพบว่าได้เปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้ไฟฟ้าเป็นการถาวรแล้ว เช่น ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย ฯลฯ จะต้องยื่นคำร้องขอใช้ไฟฟ้าถาวรที่การไฟฟ้านครหลวงเขต พร้อมกับเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ภายในให้ถูกต้องตำมมาตรฐานที่การไฟฟ้ำนครหลวงกำหนด และชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าแบบถาวรให้ครบถ้วนตำมหลักเกณฑ์ของการไฟฟ้านครหลวง โดยจะจัดเข้าในประเภทที่ 17 แล้วแต่กรณีตามลักษณะการใช้ไฟฟ้า

เปิดรับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รับคอมมิชชั่น 2-7 % 

Tooktee Live

ร่วมรับฟัง “โอกาสทางธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ กับ เครื่อข่าย Tooktee”
และเข้าร่วมเป็นตัวแทนรูปแบบอิสระกับเราในงาน

รับจำกัด 50 ท่านเท่านั้น !!

?? วันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567
?? เวลา 13.00 – 16.00 น.

สถานที่อบรม : โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ชั้น 8 
คลิกลงทะเบียน : https://www.tooktee.com/agent/seminar/37/
สนใจเป็นสมัครเป็น agent กับเรา สอบถามผ่าน Line : @Tooktee


ค่าบริการสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราวแรงต่ำ ที่ไม่ต้องติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าโดยเฉพาะ

*หมายเหตุ

1. กรณีต้องปรับปรุงอุปกรณ์ระบบจำหน่ายไฟฟ้า อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2. ประเภทที่ 1 หมายถึง ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับการก่อสร้างบ้านพักอาศัยของตนเอง หรือใช้ไฟฟ้าชั่วคราวภายในบ้านของตนเอง

3. ประเภทที่ 2 หมายถึง ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราวอื่นนอกเหนือจากประเภทที่ 1 เช่น ขอใช้ ไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับการก่อสร้างอาคารเกินกว่า 1 (หนึ่ง) หลัง ขึ้นไป ห้องแถว อาคารพาณิชย์ หรือขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับโรงงาน

พื้นที่ให้บริการ

การไฟฟ้านครหลวง มีเขตดำเนินการในกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี

เอกสารแนบ

แบบขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราว

หนังสือมอบอำนาจ

หนังสือรับประกันหนี้ค้างเกี่ยวกับการไฟฟ้าชั่วคราว

ขอใช้บริการออนไลน์

สามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่าน  Line : https://line.me/R/ti/p/%40whn7789w
หรือ โทรศัพท์ : 0-2295-3905 ต่อ 125 

เช็คเลย! ขอมิเตอร์ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

เมื่อบ้านสร้างแล้วเสร็จก็ได้เวลาของการเข้าไปอยู่อาศัย แต่ยังไม่ติดตั้งไฟฟ้า ลองมาดูว่าขั้นตอนและวิธีการขอมิเตอร์ไฟฟ้า มีขั้นตอนอะไรบ้าง รวมถึงการขอมิเตอร์ไฟฟ้า ต้องทำอย่างไร ในบทความนี้ Tooktee.com จะมาให้คำตอบและไขข้อสงสัย

เงื่อนไขการขอใช้ไฟฟ้า

ผู้ขอใช้ไฟฟ้า ได้แก่ บุคคลดังต่อไปนี้

1. เจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของสถานที่ใช้ไฟฟ้า
2. ผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านที่ใช้ไฟฟ้า
3. ผู้มีสิทธิครอบครองสถานที่ใช้ไฟฟ้าตามกฎหมาย หรือตามสัญญาต่างๆ เช่น สัญญาเช่า สัญญาจะซื้อจะขาย

เอกสาร/หลักฐาน ที่จำเป็น

ผู้ขอใช้ไฟฟ้ามีชื่อในทะเบียนบ้านที่ขอใช้ไฟฟ้า

1. สำเนาประชาชน / Passport*
2. หนังสือรับรองการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใน

ผู้ขอใช้ไฟฟ้าไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่ขอใช้ไฟฟ้า

1. สำเนาประชาชน / Passport*
2. เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ สถานที่ขอใช้ไฟฟ้า เช่น สัญญาซื้อขาย , สัญญาเช่าและหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า , หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ , สำเนาโฉนด เป็นต้น *
3. หนังสือรับรองการเดินสายและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใน

กรณีที่มีการมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน

1. หนังสือมอบอำนาจ
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือสำเนาบัตรประจำตัวพนักงานองค์การของรัฐ หรือสำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) ของผู้มอบอำนาจ
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือสำเนาบัตรประจำตัวพนักงานองค์การของรัฐ หรือสำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) ของผู้รับมอบอำนาจ

*หมายเหตุ : เอกสารหลักฐานในการขอรับบริการ ต้องเป็นเอกสารสำเนาที่มีการลงนามรับรอง สำเนาถูกต้องทุกฉบับ

ค่าธรรมเนียมขอมิเตอร์ไฟฟ้า

      ค่าธรรมเนียมนี้เป็นค่าตรวจสอบการติดตั้งสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าภายใน ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงจะไม่เก็บค่าประกันไฟฟ้าจากผู้ขอใช้ไฟฟ้ารายใหม่ที่เป็นบ้านที่อยู่อาศัย (ประเภทที่ 1) และกิจการขนาดเล็ก (ประเภทที่ 2) ยกเว้นในกรณีที่เปลี่ยนไปเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ การขอมิเตอร์ไฟฟ้าใช้เวลา 3 วันทำการ ในการตรวจสอบข้อมูล นัดหมาย ตรวจสายภายในอาคาร และติดตั้งอุปกรณ์ หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว ดังนี้

วิธีขอมิเตอร์ไฟฟ้า

วิธีขอมิเตอร์ไฟฟ้าออนไลน์

1. เข้าเว็บไซต์ mea.or.th หรือแอปพลิเคชัน Mea Smart Life ผ่านทั้งระบบไอโอเอส (iOS) ผ่าน App Store และระบบแอนดรอยด์ (Android) ผ่าน Google Play
2. ระบุรายละเอียดขอใช้ไฟฟ้า ระบุสถานที่ขอใช้ไฟฟ้า ยืนยันตัวตนด้วยระบบ OTP

วิธีขอมิเตอร์ไฟฟ้าที่สำนักงาน

นำเอกสารข้างต้นพร้อมลงนามสำเนาถูกต้องทุกฉบับไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านการไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ ที่สะดวก

ขั้นตอนการขอมิเตอร์ไฟฟ้า

1. หลังจากได้รับคำร้องขอใช้ไฟฟ้า พร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะเข้าไปตรวจสอบการเดินสายไฟในอาคาร หากยังไม่เดินสายไฟฟ้าให้เดินสายให้เรียบร้อยแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
2. เมื่อตรวจสอบการเดินสายไฟฟ้าแล้วพบว่ามีการเดินสายไฟที่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แต่ถ้าการเดินสายไฟไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัยก็จะแจ้งให้ดำเนินการแก้ไข และตรวจสอบอีกครั้ง โดยค่าธรรมเนียมนั้นการไฟฟ้าจะกำหนดไว้ตามประเภทและขนาดของมิเตอร์ที่ขอติดตั้ง
3. ผู้ขอใช้ไฟฟ้าชำระค่าธรรมเนียมและรับใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานก็เรียบร้อยแล้ว

สามารถสอบถามเพิ่มเติมผ่าน  Line : https://line.me/R/ti/p/%40whn7789w
หรือ โทรศัพท์ : 0-2295-3905 ต่อ 125

ขายบ้านได้ไว ลงประกาศขายบ้านฟรี ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี TOOKTEE

อยากขายบ้าน ขายบ้านไม่ออก ตั้งราคาขายบ้านไม่ถูก มาลงประกาศขายบ้าน ขายบ้าน ขายคอนโด หรือขายอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ รวดเร็ว ลงง่าย พร้อมข้อมูล ราคา ทำเล แผนที่ ประกาศขาย กรุงเทพ สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี  TOOKTEE ประกาศขายบ้านฟรีง่ายๆ ไม่ต้องสมัครสมาชิก ก็สามารถลงประกาศได้เลย
>> คลิกที่นี่ ลงประกาศฟรีไม่จำกัด

TOOKTEE ลงประกาศได้ง่ายๆ เพียงแค่ 5 ขั้นตอน

1. กรอกข้อมูลโครงการอสังหาของคุณ

2. Unit Info ขนาดพื้นที่ใช้สอย-รูปแบบห้อง 

3. ราคา

4. หัวข้อประกาศ รูปถ่าย

5. Contact info ผู้ประกาศ

ประกาศขายบ้านในกรุงเทพ

พื้นที่ประกาศขายบ้านยอดนิยมอย่างในกรุงเทพฯ ที่ TOOKTEE  เรามีประกาศขายบ้านทุกรูปแบบมากกว่าพันรายการให้ผู้ซื้อได้เลือกบ้านที่ใช่ได้มากขึ้น ที่หน้าเว็บไซต์ของเรามีราคาขายบ้านชัดเจน และมีระบบคำนวณผ่อนบ้านสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการซื้อผ่อนอีกด้วย 

สามารถดูประกาศขายบ้านในกรุงเทพของเราได้ที่ https://www.tooktee.com/location/zone/

ประกาศขายบ้านฟรีง่ายๆ ไม่ต้องสมัครสมาชิก ก็สามารถลงประกาศได้เลย
>> คลิกที่นี่ ลงประกาศฟรีไม่จำกัด